วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

อย่าตาย จนกว่า ท่านจะเป็นมุสลิม

ตายให้สมกับความเป็นมุสลิม

ตายให้สมกับความเป็นมุสลิม

        พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงยำเกรงอัลลอฮฺด้วยการปฏิบัติความดีและละเว้นความชั่วอย่างจริงจัง และท่านทั้งหลายจงอย่าได้ตาย จนกว่าท่านจะเป็นผู้ยอมจำนนต่ออัลอิสลามโดยสิ้นเชิง
   ชีวิตของมนุษย์นั้นไม่มีใครบอกได้ว่าจะต้องตายจากโลกนี้ไปเมื่อใด บางคนอายุยืนเกิน 100 ปี บางคนเพิ่งเกิดก็ตายเสียแล้ว บางคนอยู่มาจนโต ไม่เจ็บไม่ไข้ ถูกรถชนตาย ทั้งนี้ขึ้นกับกฎสภาวการณ์ของอัลลอฮฺ พระองค์ดำรัสว่า





   “จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) “ฉันไม่มีอำนาจที่จะให้โทษและให้คุณแก่ตัวฉัน เว้นแต่ที่อัลลอฮ์ทรงประสงค์ สำหรับทุกประชาชาติย่อมมีเวลากำหนด เมื่อเวลาของพวกเขามาถึง พวกเขาจะขอผ่อนผันให้ล่าช้าซักระยะหนึ่งไม่ได้ และจะร่นเวลาให้เร็วเข้าก็ไม่ได้”           
ยูนุส 10 : 49
   ใครที่ไหนก็บอกไม่ได้ว่าใครจะตายเมื่อไร ตายอย่างไร อยู่ในลิเบียตอนนี้ นอนอยู่กับบ้าน อาจโดนแรงระเบิดจากโทมาฮอค ของผู้ก่อการร้ายอเมริกา ตายได้ เกิดเป็นชาวไครท์เชิร์ช หรือ ชาวมิยางิ หรือ เมืองอื่น ๆ ที่อยู่บนแนวเปลือกโลกที่ไม่มั่นคง ก็อาจเสียชีวิตจากผลกระทบของแผ่นดินไหว หรืออยู่ห่างไกลออกไปจากจุดแผ่นดินไหวก็อาจถูกคลื่นสึนามิกวาดลงทะเลไปก็ได้ อยู่ในเมืองหลวงของประเทศในตะวันออกกลางหรืออาฟริกาเหนือ เช่น อียิปต์ เยเมน ตูนิเซีย ก็อาจได้รับผลจากการจลาจลกลางเมืองได้เช่นกัน แม้แต่นั่งอยู่บนรถตู้ ก็ยังมีลูกเศรษฐีไม่มีใบขับขี่ขับรถมาชนท้าย รถตู้ตกทางด่วนตาย ก็ยังได้ ดังนั้น ชีวิตของเราจึงไม่มีความแน่นอน ในฐานะของมุสลิม เราต้องยอมรับความจริงข้อนี้ และต้องพร้อมที่จะตาย ตายในสภาพของมุสลิม ตายอย่างสมศักดิ์ศรี
   จะเรียกว่าตายอย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมุสลิมก็ต้องตายโดยมีกะลิมะฮฺ ชะฮาดะฮฺ ยึดมั่นศรัทธาว่าอัลลอฮฺเป็นเจ้า และมุหัมมัดเป็นศาสนทูต ทำตามที่อัลลอฮฺและเราะสูลใช้ เว้นที่อัลลอฮิและเราะสูลห้าม ยิ่งถ้าตายในขณะที่กำลังปฏิบัติกิจภักดีต่ออัลลอฮฺก็ยิ่งดี เช่น ตายในขณะเอียะหฺรอมหัจญฺ ตายขณะกำลังก้มสุญูด ตายในสภาพถือศีลอดเราะมะฎอน
   ตรงกันข้าม ถ้าตายในขณะทำความชั่ว ก็จะต้องพบกับสภาพการลงโทษในกบูรฺ เช่น ตายเพราะตะโกนเชียร์ม้าแข่งที่พนันไว้ดังเกินไป ความดันเลือดขึ้น หลอดเลือดในสมองแตกตาย ตายคาอกของผู่ที่ไม่ใช่สามีหรือภรรยาของตน ตายเพราะถูกประหารชีวิตเนื่องจากประพฤติความชั่วอย่างร้ายแรง
   ดังนั้น ท่านเราะสูลจึงสอนให้มุสลิมมีสติพร้อมที่จะตายอยู่เสมอ คือให้ทำความดีต่ออัลลอฮฺเหมือนกับว่าจะตายในวันรุ่งขึ้น คนที่รู้ว่าตัวเองจะตายในวันพรุ่งนี้ คงจะไม่มีใครที่ไม่รีบเร่งทำความดี นอกจากคนที่ไม่เชื่อว่าตายไปแล้วจะต้องถูกอัลลอฮฺสอบสวน และท่านเราะสูลยังให้มุสลิมตั้งสติไว้เสมอว่า ก่อนตายจะต้องยึดเอากะลิมะฮฺฮ ชะฮาดะฮฺไว้ให้มั่น ประโยคสุดท้ายที่จะกล่าวก่อนตายจึงควรเป็นกะลิมะฮฺชะฮาดะฮฺนี้เอง ท่านเราะสูลกล่าวไว้ว่า



   “ผู้ใดที่คำพูดสุดท้ายของเขาคือประโยคที่ว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ เขาจะได้เข้าสวรรค์”
                           อะบูดาวูดและอัลหากิม
   ชีวิตหลังความตายเป็นเรื่องของความลับที่อัลลอฮฺทรงเปิดเผยให้เราทราบแต่เพียงเล็กน้อยและส่วนหนึ่งจากนั้นก็คือ การที่เราจะยังไม่ได้รับการตัดสินความดีความชั่วในทันที แต่เป็นการพักอาศัยอยู่ในโลกชั่วคราว โลกที่คั่นระหว่างดุนยากับอาคิเราะฮฺ เรียกว่า โลกบัรฺซัค โลกบัรฺซัคนี้เองที่มัยยิตของผู้ตายจะได้รู้ว่าเขาจะถูกตอบแทนด้วยสวรรค์หรือนรก ถ้าเขาประพฤติแต่ความชั่ว ตายในสภาพที่เป็นชิริก หรือตายในสภาพที่ไม่ได้เป็นมุสลิม เขาก็จะถูกลงโทษในกุบูรฺ เช่น ถูกกระชากวิญญาณออกจากร่างด้วยความรุนแรงและเจ็บปวด วิญญาณถูกห่อหุ้มด้วยผ้าที่มาจากนรกและมีกลิ่นเหม็น ถูกเรียกขานด้วยชื่อที่เลวที่สุดในโลกดุนยา ถูกกระน่ำตีด้วยกระบองจนแหลกละเอียด และกลับกลายเป็นร่างเดิมใหม่ ก่อนที่จะถูกกระหน่ำตีเช่นนั้นอีก ความเจ็บปวด ความเกรงกลัวของเขาทำให้เขาร้องจนสุดเสียง ทุกสรรพสิ่งได้ยินทั้งหมดนอกจากญินและมนุษย์    ส่วนผู้ที่ตายในสภาพที่เป็นผู้ศรัทธาและประพฤติดีนั้นตรงกันข้าม มะลาอิกะฮฺจะมาเชิญวิญญาณของเขาออกจากร่างด้วยคำพูดที่นุ่มนวลและวิญญาณก็จะออกมาประหนึ่งน้ำที่ไหลออกมาจากเหยือกน้ำ วิญญาณถูกห่อหุ้มด้วยผ้าที่มาจากสวรรค์และมีกลิ่นหอม ถูกเรียกขานด้วยชื่อที่ดีที่สุดของเขาในโลกดุนยา หลุมฝังศพถูกขยายให้กว้างขวาง    ในกุบูรฺนั้น ไม่มีอะไรจะช่วยมัยยิตได้เลย นอกจากอะมัลอิบาดะฮฺที่เขาได้ปฏิบัติไว้ในโลกดุนยานี้ ญาติมิตรลูกหลานอันมากมายที่ช่วยกันขอดุอาอุ์ให้ อัลลอฮฺก็จะทรงรับเฉพาะของลูกที่ดี ทรัพย์สินที่มากมายก็เอาไปในหลุมด้วยไม่ได้ คิดจะเอาไปติดสินบนมะลาอิกะฮฺอย่าให้ตี อย่าให้ลงโทษเหมือนที่เคยติดสินบนใครต่อใครในโลกดุนบาก็คงจะไม่สำเร็จ    คนที่ดี ๆ นั้น อะมัลความดีของเขาจะมาพบกับเขาในรูปของชายหนุ่มรูปงามที่มีกลิ่นกายหอม สวมใส่อาภรณ์ที่สวยงาม และจะมากล่าวกับเขาว่า “ฉันมาแจ้งข่าวดีถึงสิ่งที่อัลลอฮฺทรงสัญญาไว้กับท่านถึงความโปรดปรานของอัลลอฮฺและสวนสวรรค์อันผาสุก” มัยยิตที่ดีจะถามว่า “ท่านเป็นใคร ใบหน้าของท่านบ่งบอกว่าจะนำมาซึ่งความดี” อะมัลของเขาตอบว่า “วันนี้เป็นวันที่ท่านได้ถูกสัญญาไว้ ฉันเป็นอะมัลที่ศอลิหฺของท่าน ขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่า สิ่งที่ฉันรับรู้เกี่ยวกับท่านก็คือ ท่านเป็นผู้รีบเร่งในการเชื่อฟังอัลลอฮฺ เชื่องช้าในการฝ่าฝืนพระองค์ ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนความดีให้กับท่าน”    พี่น้องต้องพิจารณาว่า ท่านเป็นผู้รีบเร่งในการทำความดีหรือรีบเร่งในการฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ ท่านเป็นผู้เชื่องช้าในการทำความดีหรือเชื่องช้าในการฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ ถ้าท่านมั่นใจว่าอยู่ในฝ่ายที่ทำความดี ก็จงกระทำต่อไป แต่ถ้าท่านไม่มั่นใจขอให้รู้ว่า ในกุบูรฺนั้น การงานที่เลวมันก็จะมาพบกับมัยยิตเหมือนกัน ในรูปร่างของชายอัปละกษณ์ที่มีกลิ่นเหม็น สวมเสื้อผ้าน่าเกลียด มาบอกว่า  “ฉันมาแจ้งข่าวดีถึงการลงโทษและความกริ้วโกรธของอัลลอฮฺ” มัยยิตถามว่า “ท่านเป็นใคร ใบหน้าของท่าน เป็นใบหน้าที่บ่งบอกว่าจะนำมาซึ่งความเลวร้าย การงานที่เลวของเขาก็ตอบว่า “ฉันคือการงานที่เลวของท่าน ขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่า สิ่งที่ฉันรับรู้มาจากท่านก็คือ ท่านเป็นผู้เชื่องช้าในการเชื่อฟังอัลลอฮฺ รวดเร็วในการฝ่าฝืนพระองค์”    ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย ขอให้เรามุ่งมั่นในการทำความดีเพื่ออัลลอฮฺ อย่าเห็นแก่ทรัพย์สินเงินทองให้มากนัก เพราะมันช่วยอะไรเล่าไม่ได้เลยในกุบูรฺและในอาคิเราะฮฺ ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการอภัยโทษในความผิดทั้งปวงยังขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺเสมอในการตะชะฮฮุดครั้งสุดท้ายว่า


    “ข้าแต่อัลลอฮฺ ข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระองค์ให้พ้นจากการลงโทษในญะฮันนัม และการลงโทษในหลุมศพ และให้พ้นจากความวุ่นวายของการมีชีวิตและการเสียชีวิต และการก่อกวนของมะสีหิดดัจญาล”
   เราจึงควรนำดุอาอุ์นี้มาอ่านเพื่อขอความเมตตาจากอัลลอฮฺเสมอ ๆ ในตอนท้ายของตะชะฮฮุด หลังเศาะละวาต (ก่อนกล่าวสลาม) และเราต้องระลึกถึงคำสอนของท่านเราะสูลที่ว่า


    “มีสามสิ่งจะติดตามผู้ตาย (ไปยังกุบูรฺ) ครอบครัวของเขา ทรัพย์สินของเขาและการงานของเขา สองสิ่งจะจากเขาไป สิ่งหนึ่งจะคงอยู่กับเขา ครอบครัวและทรัพย์สินเงินทองจะจากเขาไป สิ่งที่จะอยู่กับเขาก็คือการงานของเขา”                      
บุคอรียฺ, มุสลิม
   พี่น้องลองพิจารณาดูเองว่า อะมัล คือการงานที่จะอยู่เป็นเพื่อนท่านในกุบูรฺนั้น เป็นอะมัลดีหรืออะมัลเลว ถ้ายังคิดว่าเป็นอะมัลเลว ต้องรีบกลับเนื้อกลับตัวเสียแต่วันนี้ หันมาผลิตอะมัลดี ๆ ที่จะอยู่เป็นเพื่อนของเราในกุบูรฺต่อไป

      
คัดลอกจากเอกสารเผยแพร่ของมัสญิดอัร-ริฎวาน(นานา)
ที่มา  http://www.sunnahstudent.com/forum/index.php/topic,8250.0.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น