วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ปฏิบัติตนอย่างไรในเดือนแห่งการอภัยโทษ?

ปฏิบัติตนอย่างไรในเดือนแห่งการอภัยโทษ? 



بسم الله الرحمن الرحيم

الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين

ในบรรดาหะดิษต่าง ๆ ที่ซอฮิห์จากท่าน ร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั้น  มีสิ่งที่บรรดามุสลิมส่วนมากได้ทราบถึงข่าวดีอันยิ่งใหญ่   แต่พวกเขาไม่รู้ถึงความหมายอันลึกซึ้งที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ต้องการจะบอกจากคำสอนของบรรดาหะดิษดังกล่าว  ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าใจผิดต่อหะดิษเหล่านี้และแทนที่พวกเขาจะนำบรรดาหะดิษเหล่านี้ทำให้ร่องรอยแห่งความเสียหายและความผิดกลับกลายเป็นการดำรงมั่นในหนทางของอัลเลาะฮ์ตาอาลา  แต่ทว่าในดำเนินชีวิตของพวกเขากลับปฏิบัติค้านกับคำสอนดังกล่าว

ส่วนหนึ่งจาหะดิษเหล่านั้น  คือหะดิษที่ได้รายงานบุคอรีและมุสลิม  จากท่านอบูฮุร๊อยเราะฮ์  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  ความว่า  ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

مَنْ قَامَ رَمَضَانَ إِيمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ

"ผู้ใดที่ดำรง(ละหมาด)ในเดือนรอมะดอนโดยมีความศรัทธา(ต่อสัญญาของอัลเลาะฮ์) และแสวงหาการตอบแทน(จากความเมตตาของพระองค์) เขาก็จะถูกอภัยโทษให้จากบาปที่ล่วงผ่านมาแล้ว" 

مَنْ صَامَ رَمَضَانَ إِيمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ وَمَنْ قَامَ لَيْلَةَ الْقَدْرِ إِيمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ

"ผู้ใดถือศีลอดในเดือนร่อมาดอนโดยมีความศรัทธา(ต่อสัญญาของอัลเลาะฮ์)และแสวงหาการตอบแทน(จากความเมตตาของพระองค์) เขาก็จะถูกอภัยโทษให้จากบาปที่ล่วงผ่านมาแล้วและผู้ใดดำรง(ละหมาด)ในคืนลัยละตุลก่อดัรโดยมีความศรัทธาและแสวงหาการตอบแทน  เขาก็จะถูกอภัยโทษให้จากบาปที่ล่วงผ่านมาแล้ว"

และท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวเช่นกันว่า

مَنْ حَجَّ فَلَمْ يَرْفُثْ وَلَمْ يَفْسُقْ غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ 

"ผู้ใดทำฮัจญ์  แล้วเขาไม่พูดจาหยาบคายและไม่ประพฤติชั่ว  เขาก็จะถูกอภัยโทษให้จากบาปที่ล่วงผ่านมาแล้ว" ติรมีซีย์( (816) ฮะดิษหะซันซอฮิห์

ผู้คนส่วนมากคิดว่าสองหะดิษขึ้นต้นคือสิ่งใหม่ที่เขาได้รับกลับคืนมา  โดยที่บางคนจากพวกเขาอาจจะมีบาปหนา  แต่เขาพบว่าการถือศีลอดในเดือนรอมะดอนนั้น  คือสิ่งที่ทำให้เขารอดพ้นจากบรรดาบาปทั้งหมด  และบางคนคิดว่าการมุ่งไปสู่บัยตุลลอฮ์เพื่อทำฮัจญ์นั้น  เขาจะได้กลับมาอย่างบริสุทธิ์เหมือนกับวันที่เขาคลอดออกมาจากครรภ์มารดา  บริสุทธิ์จากบาปทั้งหลาย   แต่เมื่อคราวต่อไปเขาได้พบว่าตนเองได้ก่อกรรมกระทำบรรดาบาปดังกล่าวนั้นอีก  เขาก็เฝ้ารอยาที่จะมาเยี่ยวยารักษา  คือเดือนรอมะดอนที่จะมาถึงหรือการประกอบพิธีฮัจญ์ที่บัยตุลลอฮ์  และเช่นดังกล่าวนี้เขาจึงมั่นใจว่าบรรดาบาปต่าง ๆ จะไม่ทำให้เขาถูกขวางกั้นจากอัลเลาะฮ์  เพราะเขาสามารถที่จะถือศีลอดในเดือนรอมะดอน  ซึ่งบรรดาบาปทั้งหมดจะมลายสิ้นไปโดยเขาจะกลับกลายเป็นคนที่สะอาดบริสุทธิ์จากบาปทั้งหลายอีกครั้ง

ท่านผู้ศรัทธาทั้งหลาย! ในแง่ใดหรือที่เขามีความผิดพลาดในการเข้าใจหะดิษต่าง ๆ เหล่านี้ ?  ซึ่งความผิดพลาดนั้นก็คือ  เขาได้จินตนาการไปว่า  บรรดาการตออัตภักดีต่าง ๆ เช่นการถือศีลอด  การทำฮัจญ์ที่บัยตุลลอฮ์  และการปฏิบัติฟัรดูต่าง ๆ นั้น  คืออิบาดะฮ์ที่จะเปิดทางให้มนุษย์เดินไปสู่ความพึงพอใจต่ออัลเลาะฮ์ตาอาลา  และยังเป็นสิ่งที่จะมาปิดกั้นระหว่างเขาและความโกรธกริ้วของพระองค์  ทั้งที่ความจริงแล้วมิใช่เป็นเช่นนั้น

เพราะความจริงแล้ว  บรรดาการฏออัตคือผลลัพธ์ที่ทำให้เขาไปถึงอัลเลาะฮ์ตาอาลา  และผลลัพธ์ที่ทำให้บ่าวไปถึงความพึงพอใจของอัลเลาะฮ์ตาอาลานั้น คืออีหม่านอันมั่นคงที่อยู่ในศักยภาพของตัวเขา  ซึ่งอัลเลาะฮ์ตาอาลาได้ทรงตรัสเกี่ยวกับถ้อยคำที่ดีงามไว้ความว่า

مَثَلاً كَلِمَةً طَيِّبَةً كَشَجَرَةٍ طَيِّبَةٍ أَصْلُها ثابِتٌ وَفَرْعُها فِي السَّماءِ، تُؤْتِي أُكُلَها كُلَّ حِينٍ بِإِذْنِ رَبِّها

"อุปมาถ้อยคำอันดีเยี่ยม (คือลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์) ประหนึ่งต้นไม้ที่ดีซึ่งโคนของมันมั่นคง (อยู่ในพื้นดิน) และกิ่งของมันชูขึ้นสูงสู่เบื้องฟากฟ้า (ซึ่งต้นไหม้นั้น) มันให้ผลบริโภคของมันได้อยู่ตลอดเวลา(ทุกฤดูกาล) ด้วยอนุมัติแห่งองค์อภิบาลของมัน" อิบรอฮีม : 25

ถ้อยคำอันดีเยี่ยมนี้ซึ่งอัลเลาะฮ์ได้เผยให้ตระหนักถึงอะกีดะฮ์หรืออีหม่านที่สมควรให้มั่นคงอยู่ในจิตใจของเขา  ซึ่งมันเป็นวิญญาณแห่งการฏออัตและมันเป็นเครื่องหมายที่อัลเลาะฮ์ตาอาลาจะทรงตอบรับการฏออัต  ดังนั้นหากเขามีถ้อยคำอันดีเยี่ยมนี้แล้ว  อะกีดะฮ์และการฏออัตก็จะได้ผลตอบ

เพราะฉะนั้น  หากบุคคลหนึ่งได้ทำอิบาดะฮ์ต่ออัลเลาะฮ์ตาอาลา โดยอีหม่านและความยาเกนของเขาเต็มเปี่ยมอยู่ในห้วงหัวใจ  แน่แท้ว่าอัลเลาะฮ์จักทรงอภัยโทษให้แก่เขา "ผู้ใดที่กล่าวลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์ด้วยความบริสุทธิ์ใจเขาจะได้เข้าสวรรค์" อย่างไม่ต้องสงสัยอันใด  และขณะเดียวกันหากบุคคลหนึ่งในชีวิตของเขาเต็มไปด้วยการทำอิบาดะฮ์ฏออัตภักดี  ทำการถือศีลอด  ทำฮัจญ์  แต่ทว่าอะกีดะฮ์และอีหม่านของเขามีความสงสัยและความเบี่ยงเบนสอดแทรกเข้ามา  แน่นอนว่าบรรดาการฏออัตของเขาทั้งหมดนั้นย่อมไม่มีประโยชน์อันใด  นี้คือข้อเท็จจริงที่เราควรรู้เอาไว

 ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย  เราลองหวนกลับมาพิจารณาคำพูดของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ที่ว่า

 مَنْ قَامَ رَمَضَانَ إِيمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ

"ผู้ใดที่ดำรง(ละหมาด)ในเดือนรอมะดอนโดยมีความศรัทธา(ต่อสัญญาของอัลเลาะฮ์) และแสวงหาการตอบแทน(จากความเมตตาของพระองค์) เขาก็จะถูกอภัยโทษให้จากบาปที่ล่วงผ่านมาแล้ว" 

مَنْ صَامَ رَمَضَانَ إِيمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ وَمَنْ قَامَ لَيْلَةَ الْقَدْرِ إِيمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ

"ผู้ใดถือศีลอดในเดือนร่อมาฏอนโดยมีความศรัทธา(ต่อสัญญาของอัลเลาะฮ์)และแสวงหาการตอบแทน(จากความเมตตาของพระองค์) เขาก็จะถูกอภัยโทษให้จากบาปที่ล่วงผ่านมาแล้วและผู้ใดดำรง(ละหมาด)ในคืนลัยละตุลก่อดัรโดยมีความศรัทธาและแสวงหาการตอบแทน  เขาก็จะถูกอภัยโทษให้จากบาปที่ล่วงผ่านมาแล้ว"

ความหมายของคำกล่าวของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นี้คือ  ท่าน ณ เวลานี้ได้ทำการถือศีลอดซึ่งเป็นการฏออัตภักดีที่สามารถทำความสะอาดให้แก่ตัวของท่านซึ่งเปรียบเสมือนบ้านที่มีฝุ่นและดินทับถมอย่างแน่นหนา  และ ณ เวลานี้บ้านของท่านกลับเกลี้ยงสะอาด  แล้วอะไรหรือที่ท่านต้องกระทำอีก? ซึ่งสิ่งที่ท่านถูกใช้ให้กระทำอีกนั้นก็คือ ต้องคอยหมั่นดูแลรักษาบ้านของท่านหลังนี้  เพื่อไม่ให้ฝุ่นดินพัดผ่านเข้ามาอีกเป็นครั้งต่อไปจนเป็นเหตุให้ฝุ่นทับถมจนเป็นดินที่สกปรก  ดังนั้นสิ่งที่ท่านถูกใช้ให้กระทำต่อไปก็คือ  ให้ท่านปิดบรรดาหน้าต่างภายในบ้าน  คอยดูแลรักษาบ้านให้มีความสะอาดจากสิ่งสกปรก

แต่ถ้าหากว่าท่านมีความปีติยินดีที่บ้านของท่านมีความสะอาด  โดยฝุ่น  ดิน  และสิ่งสกปรกทั้งหมดได้หายไปแล้วและบ้านก็มีความสะอาดตา  แต่หลังจากนั้นท่านได้ละเลยต่อมัน  แน่นอนว่าไม่นานบ้านของท่านก็จะหวนกลับมาเป็นสภาพดังเดิม  ยิ่งกว่านั้น  อาจจะเลวร้ายกว่าจากสิ่งที่เคยเป็นอยู่เสียอีก  ทั้งที่อัลเลาะฮ์จักทรงประทานให้บัญชีบันทึกอะมัลของท่านขาวสะอาดหลังจากรอมะดอนจากไปแล้ว  ดังนั้นท่านสมควรจะปฏิบัติตนอย่างไร? นั่นก็คือให้ท่านหมั่นดูแลรักษาบัญชีบันทึกคุณงามความดีอันขาวสะอาดนี้ไม่ให้กลับมามืดดำเป็นครั้งที่สอง  แล้ววิธีดูแลรักษาจะทำอย่างไร? วิธีรักษาก็คือให้อะกีดะฮ์อีหม่านของท่านได้รับการบำรุงอย่าให้มีความคลางแคลงสงสัยเข้ามาครอบงำ  ซึ่งวิธีการบำรุงอีหม่านก็คือการกล่าวซิกรุลลอฮ์ให้มาก ๆ  การซิกรุลลอฮ์คือป้อมปราการที่จะมารักษาให้บัญชีบันทึกอะมัลของท่านมีความขาวสะอาดไม่กลับมามืดดำอีกต่อไป  ซึ่งบางครั้งท่านพี่น้องไม่ได้ตระหนักความหมายจากคำตรัสของอัลเลาะฮ์  ตาอาลา ความว่า

 وَلا تُطِعْ مَنْ أَغْفَلْنا قَلْبَهُ عَنْ ذِكْرِنا وَاتَّبَعَ هَواهُ وَكانَ أَمْرُهُ فُرُطاً

"และเจ้าอย่าเชื่อฟังผู้ที่ทำให้หัวใจของเขาลืมเลือนจากรำลึก(ซิกิร)ถึงเรา  และเขาได้หลงตามอารมณ์ชั่วของเขา  และการงานของเขานั้นเป็นสิ่งละเมิดโดยแท้" อัลกะฮฺฟิ 28

กล่าวคือ  บุคคลหนึ่งที่ลืมจากการซิกรุลลอฮ์(รำลึกถึงพระองค์) เขาก็จะตามอารมณ์ใฝ่ต่ำของเขา  และการงานของเขาหลังจากนั้นจะกลายเป็นการละเมิดนั่นเอง

หากมีคนบุคคลหนึ่งกล่าวว่า  ฉันนี้เป็นผู้ที่มีอีหม่านที่เข้มแข็งมั่นคงอยู่ในหัวใจ  ฉันไม่มีความสงสัยและครางแครงใด ๆ ต่ออีหม่านที่มีให้กับอัลเลาะฮ์  และฉันได้ชำระตนเองให้สะอาดจากบาปต่าง ๆ ด้วยการถือศีลอดเดือนรอมะดอนแล้ว  เพราะฉะนั้น  ฉันจึงมีความสบายใจ
  
แต่เราขอกล่าวแก่เขาผู้นั้นด้วยคำตรัสของอัลเลาะฮ์ตาอาลา ความว่า

فَلا يَأْمَنُ مَكْرَ اللَّهِ إِلاّ الْقَوْمُ الْخاسِرُونَ

"ที่จริงแล้ว  ไม่มีผู้ใด (รู้สึก) รอดพ้นแผนการณ์ของอัลเลาะฮ์ไปได้เลย  นอกจากกลุ่มชนที่ขาดทุนเท่านั้น" อัลอะอฺรอฟ 99

อย่างไรหรือคือแผนการณ์ของอัลเลาะฮ์ ?  แผนการณ์ของอัลเลาะฮ์จะมาในตอนนี้กระนั้นหรือ?  ดังนั้นแผนการณ์ของอัลเลาะฮ์มิได้พิจารณาในช่วงเวลาขณะนี้  ซึ่งเป็นเวลาที่ท่านสุขสบาย  เป็นช่วงเวลาที่ท่านคิดว่ามีอีหม่านที่มั่นคง  เชื่อในความเอกภาพและความยิ่งใหญ่ของอัลเลาะฮ์   เพราะฉะนั้นการพิจารณามิใช่ในช่วงเวลานี้  แต่แผนการณ์ของอัลเลาะฮ์เราจะวัดกันในขณะที่ท่านป่วยใกล้ตาย  ในขณะที่มะลาอิกะตุลเมาต์กำลังจะถอดวิญญาณ  ซึ่งช่วงเวลานั้นแหละ  จะมีการพิสูจน์ว่าอีหม่านของท่านยังมั่นคงอยู่หรือว่าสั่นคลอนไปเสียแล้ว

ดังนั้น  สิ่งที่ได้กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด  พวกท่านทั้งหลายสมควรต้องตระหนักให้จงดี  อย่าเรียกร้องให้ชัยฏอนมาอธิบายคำกล่าวของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ให้ขัดแย้งกับเป้าหมายที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ต้องการ 

และเราก็ขอกล่าวปิดท้ายกับท่านทั้งหลายว่า  มนุษย์ที่อัลเลาะฮ์ทรงอภัยโทษบรรดาบาปทั้งหลายให้นั้น  เขาจะต้องพบว่าตนเองได้ตั้งใจมุ่งสู่อัลเลาะฮ์ตาอาลาอยู่เสมอ  และเขาต้องพบว่าบรรดาสิ่งที่อัลเลาะฮ์ตาอาลาทรงห้ามนั้น ได้ถูกปิดจากตัวเขา  ดังนั้นหัวใจของเขาก็จะได้รับการเปิดสำหรับการมุ่งมั่นไปสู่อัลเลาะฮ์ตาอาลา  โดยจิตใจของเขาจะไม่ทนทุกข์ต่ออารมณ์ใฝ่ต่ำ  

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า  

فَمَنْ يُرِدِ اللَّهُ أَنْ يَهْدِيَهُ يَشْرَحْ صَدْرَهُ لِلإِسْلامِ وَمَنْ يُرِدْ أَنْ يُضِلَّهُ يَجْعَلْ صَدْرَهُ ضَيِّقاً حَرَجاً كَأَنَّما يَصَّعَّدُ فِي السَّماءِ

"ดังนั้นผู้ใดที่อัลเลาะฮ์ทรงปรารถนาที่จะชี้นำเขา  แน่นอนพระองค์จะทรงเปิดจิตใจของเขาเพื่ออิสลาม  และผู้ใดที่พระองค์ทรงปรารถนาที่จะยังความหลงผิดแก่เขา  พระองค์ก็จะทรงบันดาลให้จิตใจของเขาคับแคบ  อีกทั้งตีบตันประดุจเขากำลังขึ้นไปในฟากฟ้า" อัลอันอาม 125

ดังนั้น  บุคคลหนึ่งจะต้องไม่กล่าวว่า  ฉันคือผู้ที่ได้ทำการถือศีลอดรอมะดอนแล้ว  ฉะนั้นฉันก็จะไม่กลับไปสู่ที่ฉันเคยเป็นอีกแล้ว  ซึ่งความรู้สึกเช่นนี้  เป็นหลักฐานยืนยันว่า  เขาไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งจากผู้ที่ถือศีลอดในเดือนรอมะดอนโดยมีอีหม่านและแสวงหาความโปรดปรานจากพระองค์  

أقول قولي هذا وأستغفر الله العظيم لى ولكم


โดย 

al-azhary

1 ความคิดเห็น: