วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554



بسم الله الرحمن الرحيم

الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين

ความตายสัจจะธรรมที่ถูกลืม

ท่านผู้ศรัทธาทั้งหลาย! ไม่ว่าท่านจะเป็นคนร่ำรวย  เป็นคนอยากจน  เป็นกรรมกร  เป็นข้าราชการ  มีต่ำแหน่งการงานสูง ๆ  เป็นคนเดินดินหรือนั่งรถสวยหรู  ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นย่อมมีจุดจบเดียวกัน  นั่นก็คือ  ความตาย!

ท่านผู้ศรัทธาทั้งหลาย! ในวันนี้กระผมจะพูดกับท่านเกี่ยวกับเรื่องหนึ่ง  ซึ่งผู้คนส่วนมากจะเกิดความเบื่อหน่ายและไม่ชอบสดับรับฟัง  นั่นก็คือเรื่องความตาย  ซึ่งการรำลึกถึงความตายที่พร้อมกับรู้ถึงแก่นแท้ของมันนั้นสามารถตัดเขี้ยวเล็บแห่งความอธรรมและการฝ่าฝืนได้  การรำลึกถึงความตายพร้อมกับรู้ถึงแก่นแท้ของมันนั้นสามารถขจัดความเสียหายประเภทต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม  การรำลึกถึงความตายพร้อมกับรู้ถึงแก่นแท้ของมันนั้นสามารถขัดเกลาจรรยามารยาทของเราได้  และการรำลึกถึงความตายพร้อมกับรู้ถึงแก่นแท้ของมันนั้นสามารถทำให้สังคมประดับประดาไปด้วยผู้คนที่มีพฤติกรรมที่ดีงาม

เหตุใดต้องรำลึกถึงความตายก่อนการมีชีวิต?
ท่านผู้ศรัทธาทั้งหลาย! การรำลึกถึงความตายนั้น  คือสิ่งที่มาเป็นเกราะป้องกันเพื่อทำให้ท่านสามารถเดินทางได้อย่างมั่นคงโดยไม่พลาดตกลงไปในความผิดและความเสียหาย  และการรำลึกถึงความตายนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เราสามารถกำหนดเส้นทางก่อนที่จะเริ่มเดินทางแห่งชีวิตได้

ดังนั้น  อัลเลาะฮ์ทรงเน้นความตายอยู่ก่อนความมีชีวิตก็ด้วยสาเหตุนี้  ทั้งที่เราทั้งเราทราบดีว่าเวลาที่จะตายนั้นต้องอยู่ลำดับหลังจากการมีชีวิตเสียก่อน
    
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า

تَبارَكَ الَّذِي بِيَدِهِ الْمُلْكُ وَهُوَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ، الَّذِي خَلَقَ الْمَوْتَ وَالْحَياةَ لِيَبْلُوَكُمْ أَيُّكُمْ أَحْسَنُ عَمَلاً وَهُوَ الْعَزِيزُ الْغَفُورُ

?องค์พระผู้ซึ่งอำนาจการปกครองอยู่ในกรรมสิทธิ์ของพระองค์  ทรงเกียรติเลิศเลอยิ่ง  และพระองค์ทรงอานุภาพเหนือทุก ๆ สิ่ง  พระผู้ทรงบันดาลความตายและความมีชีวิต เพื่อทดสอบพวกเจ้าว่า  ผู้ใดในหมู่พวกเจ้าบ้างที่มีผลงานอันดีงาม  และพระองค์ทรงอำนาจยิ่ง  ทรงให้อภัยยิ่ง? อัลมุลกิ : 1-2

ดังนั้น  อัลเลาะฮ์ทรงประสงค์ให้เราตระหนักว่า  ความตายนั้นแม้นว่าจะมาหลังจากการมีชีวิตอยู่ก็จริง  แต่มันเป็นเกราะที่มาป้องกันให้มนุษย์มีวิถีชีวิตอย่างปลอดภัย  เพราะฉะนั้น  พระองค์จึงทรงกล่าวความตายก่อนการมีชีวิตอยู่  เพื่อชี้ให้เห็นว่า  เราจำเป็นต้องรำลึกถึงความตายก่อนการดำเนินชีวิตในโลกดุนยา  และให้ท่านดำเนินชีวิตเหมือนกับท่านใกล้จะถึงเวลาตายนั่งเอง

ความตายนั้นคือเหตุร้ายหรือไม่?
ความจริงแล้วมิใช่เป็นเช่นนั้น  แม้อัลเลาะฮ์ทรงพรรณนาว่าความตายคือเหตุร้าย ดังคำตรัสของพระองค์ความว่า 

فَأَصابَتْكُمْ مُصِيبَةُ الْمَوْتِ

?ดังนั้นเหตุร้ายของความตายได้มาประสบแก่พวกเจ้า? อัลมาอิดะฮ์ :109

ดังนั้น เหตุร้ายที่อัลเลาะฮ์ได้ทรงกล่าวพรรณนาไว้นั้น  ไม่ใช่เป็นเหตุร้ายของผู้ที่กำลังจะจากโลกนี้ไป  แต่ทว่ามันเป็นเหตุร้ายสำหรับคนรักและวงศาคณาญาติทั้งที่พวกเขาจะมีความโศกเศร้าและมีความเจ็บปวดเมื่อต้องมีการพลัดพราก  ซึ่งเหตุร้ายนี้ก็คือเหตุร้ายของการพลักพราก  ดังนั้นเหตุร้ายนี้จะตกอยู่บนผู้ใดหรือ? ย่อมไม่ใช่ผู้ที่จากไป  แต่ตกอยู่บนผู้มีชีวิตอยู่ซึ่งผู้เป็นที่รักได้จากพวกเขาไป  สำหรับผู้ตายนั้น  หากเขาอยู่ในความตายที่น่าปิติยินดี  เขาก็จะได้รับความสุขตามที่ได้รับสัญญาเอาไว้  และหากเขาอยู่ในความหมายของความตายที่อยู่ในเหตุร้าย  เขาก็จะได้ประสบกับมันตามที่สัญญาไว้

ดังนั้น  คนที่มีชีวิตสามารถที่จะวาดหวังความตายให้อยู่ในความหมายของเหตุร้ายได้ถ้าหากเขาต้องการ  หรือเขาสามารถวาดความตายให้เป็นความปิติยินดีก็ได้ ถ้าหากเขาต้องการเช่นนั้น   เพราะฉะนั้นผู้ที่มีชีวิตอยู่ในขณะนี้  จึงมีโอกาสแล้ว! ที่ จะสามารถวาดหวังความตายของเขาให้เป็นอย่างไรก็ได้ตามที่เขาต้องการ

ฉะนั้น   หากท่านต้องการที่จะวาดหวังความตายให้เป็นความปิติยินดี  ท่านก็จงประพฤติดี  หมั่นรำลึกถึงอัลเลาะฮ์  ละหมาดให้ครบห้าเวลา  ถือศีลอดในเดือนรอมะฏอน   ปฏิบัติตามสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงบัญญัติใช้และละทิ้งสิ่งที่พระองค์ทรงบัญญัติห้าม  แต่หากท่านต้องการที่จะวาดหวังให้ความตายเป็นเหตุร้าย  ก็นึกแต่เรื่องดุนยา  ละทิ้งละหมาด   ไม่ถือศีลอด   สร้างความเดือนร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่น  เนรคุณพ่อแม่  ปฏิบัติสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงห้าม   แล้วท่านจะได้รับตามสิ่งที่ได้วาดหวังเอาไว้

นี้คือข้อเท็จจริง  โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย   วันหนึ่งสุไลมาน บุตร อับดุลมาลิก  หนึ่งในคอลิฟะฮ์บนีอุมัยยะฮ์  ได้ไปเยี่ยมท่านอบูหาซิม أبو حازم ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ   สุไลมานได้เข้าไปนั่งใกล้ท่านอบูหะซิมเหมือนกับศิษย์นั่งใกล้ ๆ ครู   แล้วเขากล่าวว่า  โอ้ อบู หาซิม   อะไรหรือที่ทำให้เรารังเกียจความตาย?  อบูหาซิมกล่าวว่า  เพราะพวกท่านทำนุบำรุงโลกดุนยาของพวกท่าน และในขณะเดียวกันพวกท่านได้ทำลายอาคิเราะฮ์ของพวกท่าน  ดังนั้น  พวกท่านก็จะรังเกียจที่จะย้ายจากที่พำนักอันจำเริญไปสู่ที่พำนักอันเสื่อมโทรม  สุไลมานกล่าวถามว่า   แล้วเราจะไปหาอัลเลาะฮ์ในสภาพอย่างไรหรือ?  ท่านอบูหาซิม กล่าวว่า  สำหรับผู้ที่ประพฤติดี  เขาย่อมเสมือนกับผู้เคยอยู่ห่างไกลที่กำลังเดินทางไปหาครอบครัว  สำหรับผู้ที่ประพฤติชั่วนั้น  เขาเหมือนกับทาสที่หนีนายซึ่งถูกลากให้ไปพบกับนายของเขา

โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย!  มีความจำเป็นหรือไม่ที่เราต้องพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้  ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้คนทั้งหลายปิดกั้นตนเองที่จะให้ความสนใจมัน  เราพูดเพื่อที่จะให้เราพากเพียรทุ่มเททุกวิถีทางเพื่อให้เรากลายเป็นคนดี  หลังจากนั้น  เมื่อเราได้กลับไปสู่ผู้อภิบาลของเราในวันพรุ่งนี้  การกลับไปของเราสู่พระองค์นั้นก็เสมือนกับผู้ที่เคยอยู่ห่างไกลซึ่งกำลังกลับไปหาครอบครัวของเขาหรือไม่?  และเราไม่จำเป็นต้องรำลึกถึงความตายกระนั้นหรือ? เพื่อจะไม่ให้เราเป็นส่วนหนึ่งจากผู้ประพฤติชั่วและเพื่อไม่ให้เป็นเฉกเช่นทาสที่หนีนายซึ่งกำลังถูกลากตัวไปพบกับนายของเขาเพื่อรอคอยการลงทัณฑ์   

ด้วยเหตุนี้แหละที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม   ได้กล่าวว่า  ?ผู้ใดรักที่จะได้พบกับอัลเลาะฮ์  พระองค์ก็จะทรงรักที่จะพบกับเขา  และผู้ใดรังเกียจที่จะได้พบกับอัลเลาะฮ์  พระองค์ก็จะทรงรักเกียจที่จะพบกับเขา?

หะดิษนี้คือความหมายของคำกล่าวของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ซึ่งท่านหญิงอาอิชะฮ์ได้กล่าวถามท่านว่า  ?มันคือความตายกระนั้นหรือ โอ้ ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์?  ดังนั้น พวกเราทุกคนจึงรังเกียจความตาย? ท่านร่อซูลลุลเลาะฮ์ กล่าวว่า ?ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก  แต่ทว่าผู้ศรัทธานั้น  เมื่อความตายย่างใกล้มาถึง  เขาจะได้รับข่าวดีด้วยความพึงพอพระทัยของอัลเลาะฮ์และสรวงสวรรค์ของพระองค์  ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดจะเป็นที่รักยิ่งไปยังเขามากไปกว่าความตายแล้วได้พบกับอัลเลาะฮ์  และเมื่อคนกาเฟรได้ถึงความตาย เขาจะถูกแจ้งข่าวดีด้วยกับความพิโรธของอัลเลาะฮ์  ดังนั้น จึงไม่มีสิ่งใดที่ทำให้เขาทุกข์ใจยิ่งไปกว่าการได้พบกับอัลเลาะฮ์ตาอาลา?

  ดังนั้น  บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย!  พวกท่านจงตระเตรียมเสบียงไว้ก่อนตายเถิด  ด้วยการรีบทำความดีก่อนที่ความตายจะมาเยือน  ละหมาดห้าเวลาท่านปฏิบัติครบแล้วหรือยัง?  ซึ่งถ้าหากยังไม่ครบท่านจงกอฏอชดใช้เถิด  ถึงหากแม้นว่าท่านเคยขาดละหมาดมากมายจนไม่สามารถคณานับได้ก็ตาม   เพราะหลังจากที่ท่านได้เสียชีวิตไปแล้วนั้น  ท่านก็จะไม่สามารถอุทรห์ขอแก้ตัวได้อีกแล้ว  และการที่อัลเลาะฮ์ตาอาลาทรงให้เรามีชีวิตอยู่ในขณะนี้นั้น  เพราะพระองค์ทรงเปิดโอกาสให้เราทำเตาบะฮ์แก้ไขปรับปรุงตัวเองในการทำความดีต่อพระองค์  เพื่อเตรียมพร้อมที่จะไปพบกับอัลเลาะฮ์ตาอาลา  

มีคำถามหนึ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าตัวของเราเป็นคนดีหรือเป็นคนไม่ดีกันแน่?  กล่าวคือ  หากมีคนหนึ่งถามท่านว่า ?ถ้าอัลเลาะฮ์ให้ท่านตายในขณะนี้ท่านพร้อมใหม??  ดังนั้น  หากท่านพร้อมที่จะตายในขณะนี้  ท่านย่อมเป็นคนดีที่ต้องการไปพบกับอัลเลาะฮ์ตาอาลา  แต่ถ้าหากท่านรู้สึกยังไม่พร้อม แสดงว่าท่านยังเป็นคนไม่ดีและยังไม่ต้องการที่จะไปพบกับอัลเลาะฮ์ตาอาลา   เพราะฉะนั้น  ท่านจงเป็นเสมือนกับผู้ที่เคยอยู่ห่างไกลที่กำลังเดินทางไปพบครอบครัวเถิด  อย่าเป็นเหมือนทาสที่หนีนายซึ่งกำลังถูกลากตัวกลับหานายเพื่อรอการลงทัณฑ์เลย

قُلْ إِنَّ الْمَوْتَ الَّذِي تَفِرُّونَ مِنْهُ فَإِنَّهُ مُلاقِيكُمْ

"จงประกาศเถิดว่า แท้จริงความตายที่พวกท่านกำลังหลบหนีจากมันนั้น  มันจะประสบกับพวกท่านอย่างแน่นอน" อัลญุมุอะฮ์ : 8

أقول قولى هذا وأستغفر الله لي ولكم


คัดลอกจาก
http://www.sunnahstudent.com/forum/index.php/topic,1147.0.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น